วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

บทความ - ข้อควรระวังบ้านสร้างใหม่

                      เรื่องของทิศในปีที่ทำการก่อสร้างที่สัมพันธ์กับเดือนที่ดีและร้าย การเลือกปีในการก่อสร้างที่ไม่ให้เกิดผลในทางชงหรือให้ร้าย รวมไปถึงรูปทรงบ้านที่เว้าแหว่งในแต่ละทิศทางที่จะส่งผลกระทบต่อบุคคลในบ้าน มีผลในเรื่องต่างๆ เช่น หากขาดหรือเว้าแหว่งทางทิศเหนือทำให้การงานไม่มั่นคง หรือหากขาดหรือเว้าแหว่งในมุมทิศตะวันตกทำให้ขาดทายาทสืบสกุล




                    อีกเรื่องที่ได้กล่าวถึงไปแล้วเช่นกันก็คือ การห้ามสร้างรั้วบ้านก่อนการสร้างบ้าน ซึ่งเป็นเรื่องหนึ่งที่ซินแสฮวงจุ้ยถือว่าเป็นข้อที่พึงระวังมากที่สุด เพราะจะทำให้เจ้าของบ้านถึงแก่ชีวิตได้
ขอกล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องข้อห้ามของการสร้างรั้วบ้านดังนี้คือ ในกรณีที่ห้ามสร้างรั้วก่อนการสร้างบ้านไม่รวมถึงเรื่องการล้อมรั้วลวดหนาม รั้วที่นิยมสร้างจะเป็นรั้วแบบโปร่งๆ ให้ลมพัดเข้าออกได้ดี ผู้เขียนเข้าใจอยู่ว่าเดี๋ยวนี้โจรผู้ร้ายชุกชุม บางพื้นที่หากไม่สร้างรั้วขึ้นมาก่อนจะทำให้เกิดความไม่ปลอดภัย

ข่าว - สั่งธนารักษ์จัดระบบที่ดินราชพัสดุ


นายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล รองปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งให้กรมธนารักษ์เริ่มทำการสำรวจ ทำรายงานว่าทรัพย์สินทั้งหมดที่มีอยู่ สามารถแสดงให้เห็นภาพได้หรือไม่ว่ามีพื้นที่ราชพัสดุทั้งหมดเท่าไหร่ อยู่ในครอบครองของใครเท่าไหร่ เป็นที่ว่างเปล่าเท่าไหร่ และพื้นที่ราชพัสดุที่หน่วยงานราชการเอาไปครอบครองแต่ไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์มีจำนวนเท่าไหร่ เพื่อที่จะแยกประเภททรัพย์สินที่มีอยู่ และเหลืออะไรบ้างที่สามารถนำไปพัฒนา วางแผนยุทธ์ศาสตร์ในการพัฒนาพื้นที่ราชพัสดุในอนาคตทั้งนี้ พื้นที่ราชพัสดุก็จะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1.พื้นที่ราชพัสดุใช้สำหรับพัฒนาเชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างศักยภาพทางการแข่งขัน และ 2.พื้นที่ราชพัสดุที่จะนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงสังคม เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ ทำกิจกรรมประเภทสวนสาธารณะ สถานที่พักผ่อน หรืออะไรที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์

วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ข่าว - ประภัสร์เร่งสางงาน ร.ฟ.ท. ลั่นทุกโครงการเริ่มใน 1 ปี


เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ พร้อมมอบนโยบายให้ผู้บริหาร นายประภัสร์กล่าวว่า หลังเข้ารับตำแหน่งจะพิจารณางานของ ร.ฟ.ท.ทั้งหมดว่าเป็นอย่างไร เช่น กรณีสัญญา 1 สถานีกลางบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง ของโครงรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ทำไมยังไม่สามารถลงนามเพื่อก่อสร้างได้ จะเร่งดำเนินโครงการตามงบประมาณ 1.7 แสนล้านบาท ที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้เริ่มได้ทั้งหมดภายใน 1 ปี หรืออย่างช้าที่สุดไม่เกินปีครึ่ง

นายประภัสร์กล่าวว่า จะพิจารณาปรับปรุงสภาพรถไฟ รางในพื้นที่ต่างๆ และพัฒนาความเป็นอยู่ของพนักงานให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงพิจารณาเช่าหัวรถจักรรถไฟมาให้บริการเพิ่มเติม ขณะที่รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ต้องเข้าไปพิจารณาเช่นกัน

นายประภัสร์กล่าวถึงการลดภาระหนี้สินของ ร.ฟ.ท.ว่า จะเจรจากับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เรื่องค่าเช่าพื้นที่ โดยนำแนวทางของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ให้เอกชนเช่าพื้นที่มาพิจารณาปรับใช้ เบื้องต้นมีแนวคิดจะหักค่าเช่าจากภาระหนี้ค่าน้ำมันที่ ร.ฟ.ท.ติดค้าง ปตท.อยู่ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท หากค่าเช่าที่มีมูลค่าสูงกว่าหนี้ของ ปตท. จะให้ ปตท.ทยอยจ่ายส่วนต่างที่เหลือเป็นงวดๆ เป็นต้น "ยืนยันว่าจะยังไม่มีการปรับโครงสร้างผู้บริหาร แต่จะให้รองผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.แต่ละคนรับผิดแต่ละโครงการเพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น" นายประภัสร์กล่าว

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 15 พ.ย. 2555 เวลา 12:20:55 น.

ข่าว - สผ.ปลดล็อก"อีไอเอ"คอนโด-ตึกสูง 3สมาคมอสังหาเฮคลอดคู่มือปฏิบัติ


เลขาฯ สผ.คนใหม่เครื่องร้อน ปิ๊งไอเดียแก้ปัญหาพิจารณารายงานอีไอเอบ้าน-คอนโดฯล่าช้า เตรียมทำ "คู่มือหลักปฏิบัติ" เป็นแนวทางชัดเจนให้ผู้ประกอบการอสังหาฯนำไปใช้ ชี้หากทำได้ยกเลิกไม่ต้องทำรายงานอีไอเออีกต่อไป แต่ยังติด พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อมไม่เปิดช่อง ต้องรอหารือ กทม.-กรมโยธาฯ ใช้ช่องกฎหมายอื่นออกระเบียบมารองรับ ขณะที่ 3 สมาคมอสังหาฯประสานเสียงแก้ได้ถูกจุด

นายสันติ บุญประคับ เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ได้วางแนวทางให้การพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ประเภทโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร ทำได้รวดเร็วขึ้น มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน และลดปัญหาการใช้ดุลพินิจของคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) ในการพิจารณารายงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เรียกร้องโดยอยู่ระหว่างเตรียมเสนอที่ประชุม คชก.ให้จัดทำ "Code of Practice" (คู่มือหลักปฏิบัติ) สำหรับใช้เป็นหลักปฏิบัติที่ชัดเจนในการพิจารณาอีไอเอ ขณะเดียวกันก็ใช้เป็นคู่มือให้ผู้ประกอบการใช้เป็นแนวทางในการจัดทำมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้วย นอกจากนี้ สผ.จะหารือกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) และกรมโยธาธิการและผังเมืองว่า จะมีข้อกฎหมายใน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2543 หรือกฎหมายฉบับอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เปิดช่องให้ออกระเบียบ อาทิ ระเบียบกรุงเทพมหานคร ระเบียบกระทรวงมหาดไทย หรือระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี อย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อรองรับ Code of Practice และให้อำนาจ กทม.และกรมโยธาฯ สามารถนำ Code of Practice มาบังคับใช้ในทางปฏิบัติได้

เนื่องจากปัจจุบันข้อกฎหมาย พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ระบุว่าให้นำ "รายงานอีไอเอ" มาบังคับใช้กับเรื่องสิ่งแวดล้อมได้เท่านั้น หากสามารถทำได้ในอนาคต สผ.ก็จะยกเลิกการทำรายงานอีไอเอสำหรับคอนโดฯ-บ้านจัดสรร โดยจะใช้ Code of Practice แทน ส่วนกรณีที่ผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตามคู่มือ ก็จะมีความผิด และมีโทษตามกฎหมาย

สำหรับคู่มือ จะรวบรวมประเด็นต่าง ๆ ที่ คชก.เคยใช้พิจารณารายงานอีไอเอคอนโดฯ จัดทำเป็นแนวทางปฏิบัติแยกย่อยเป็นหมวดหรือหัวข้อ อาทิ พื้นที่สีเขียวในโครงการ, การบำบัดน้ำเสีย, การลดผลกระทบอาคารบดบังแดด ลม วิว, การลดผลกระทบปัญหาจราจร ว่าที่ผ่านมา คชก.กำหนดให้ผู้ประกอบการจัดทำมาตรการแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างไรบ้าง เพื่อเป็นมาตรฐานให้ผู้ประกอบการนำไปใช้ต่อไป

"สิ่งที่ผมกำลังทำก็คือการนำเรื่องสิ่งแวดล้อมเข้าไปผนวกกับพ.ร.บ.ควบคุมอาคารหรืออาจเป็นกฎหมายฉบับอื่นที่เปิดช่อง เราเป็นหน่วยงานกลางระหว่างประชาชนกับผู้ประกอบการ เพราะประชาชนก็ต้องให้ สผ.ช่วยปกป้องสิทธิ์เรื่องสิ่งแวดล้อม ขณะที่ผู้ประกอบการก็ต้องดำเนินธุรกิจของเขา ส่วนที่ผู้ประกอบการมองว่า สผ.ใช้เวลาพิจารณารายงานนาน กฎหมายกำหนดไว้ไม่เกิน 105 วัน แต่ผู้ประกอบการนับรวมเวลาที่ต้องกลับไปแก้ไขด้วย"

เลขาธิการ สผ.กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน สผ.ได้วางแนวทางให้การพิจารณารายงานอีไอเอรวดเร็วขึ้น สถิติช่วง 10 เดือนแรกปีนี้ เฉพาะคอนโดฯ-บ้านจัดสรรมีจำนวนประมาณ 300 โครงการ ขณะที่ปี 2554 มีจำนวนประมาณ 200 โครงการปัจจุบันจึงอยู่ระหว่างการแก้ไข พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม เพื่อกระจายอำนาจให้ทางจังหวัดเป็นผู้พิจารณารายงานอีไอเอแทนได้ จากปัจจุบันมีเฉพาะจังหวัดหรือเมืองที่ถูกจัดเป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม อาทิ ภูเก็ต พัทยา ฯลฯ จึงมีอำนาจพิจารณาได้เอง

ทั้งนี้ ประเด็นที่มีผู้ประกอบการพูดกันมากคือกรณีที่ คชก.ให้ความเห็นเรื่องอื่น ๆ เพิ่มเติมในภายหลัง เช่น รายงาน เข้าที่ประชุม คชก.ครั้งแรกให้ไปแก้ไขทั้งหมด 3 เรื่อง แต่เมื่อเรื่องกลับเข้าที่ประชุมครั้งที่ 2 กลับมีอีก 2 เรื่องใหม่เพิ่มขึ้นมา เป็นต้น จนมีเสียงติติงจากผู้ประกอบการว่าทำไมอีไอเอจึงเข้มกว่ากฎหมาย กรณีนี้ยอมรับว่าเคยเกิดขึ้น การแก้ไขคือ สผ.จะขอความร่วมมือ คชก.ให้งดแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมในภายหลัง กรณีที่ คชก.คนใดขาดประชุมครั้งแรกก็ให้แสดงความคิดเห็นมาเป็นลายลักษณ์อักษรแทน

ส่วนประเด็นเรื่องการพิจารณาผลกระทบต่อการบดบังวิวลม แดด สิ่งปลูกสร้างข้างเคียง คชก.สามารถทำได้ เพราะเป็นการพิจารณาภายใต้ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับ "คุณค่าการอยู่อาศัย" การพิจารณาที่ผ่านมามีทั้งการปรับแบบอาคารเพื่อลดผลกระทบ และให้บริษัทจัดตั้งกองทุนไว้เพื่อชดเชยผลกระทบที่เกิดขึ้นกับชุมชนข้างเคียง อย่างไรก็ตาม หากจะแก้ปัญหาให้ตรงจุดมองว่าผังเมืองรวมจะต้องกำหนดโซนนิ่งว่าพื้นที่โซนไหนสามารถก่อสร้างตึกสูงได้ 

นายธำรง ปัญญาสกุลวงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า การที่ สผ.มีแนวทางจะทำคู่มือหลักปฏิบัติออกมาถือเป็นเรื่องดี จะเป็นการแก้ไขปัญหาการใช้ดุลพินิจของคณะกรรมการ ในการพิจารณารายงานอีไอเอได้ตรงจุด เพราะการมีคู่มือ เท่ากับเป็นการกำหนดเช็กลิสต์เป็นมาตรฐานว่ามีสิ่งใดที่ต้องทำหรือห้ามทำ เพราะที่ผ่านมาโครงการที่เข้าสู่การพิจารณาจะมีลักษณะคล้าย กัน แต่ก็ต้องให้คณะกรรมการพิจารณารายงานอีไอเอทั้งหมด

นายสุนทร สถาพร อุปนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า แนวทางของ สผ.ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะที่ผ่านมาการพิจารณารายงานอีไอเอค่อนข้างช้า หากรวมกับเวลาที่ต้องกลับมาแก้ไขรายงาน บางโครงการถึงกว่า 1 ปี 

นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยว่า การมีคู่มือหลักปฏิบัติถือเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการอยากให้เกิดขึ้น หลักเกณฑ์ภายในคู่มือก็จะต้องไม่เข้มงวด หรือมีรายละเอียดยิบย่อยมากเกินไปจนทำให้ปฏิบัติได้ยาก ต้องชัดเจนว่ามีกี่หมวด กี่หัวข้อ มาตรฐานคืออะไร และมีข้อสังเกตว่าผลกระทบสิ่งแวดล้อมบางอย่าง อาทิ เรื่องการบังแดด บังวิว บังลม มีเรื่องสภาพแวดล้อมของที่ดินแต่ละแปลงมาเกี่ยวข้อง จึงต้องดูว่าคู่มือจะออกมาเป็นอย่างไร

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 13 พ.ย. 2555 เวลา 09:30:11 น. 

ข่าว - เจาะทำเลทองใหม่จัดสรรภูธร


      

แม้ปัจจุบันบริษัทพัฒนาที่ดินรายใหญ่จากส่วนกลางตลอดจนค้าปลีกขนาดใหญ่จะตบเท้าขยับไปปักธงตามหัวเมืองใหญ่กันมากพอสมควร แต่แนวโน้มปี 2556 เป็นต้นไป ประเมินว่าจะยิ่งร้อนแรงมากขึ้น โดยนายชาติชาย  พยุหนาวีชัย รองกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย ฟันธงว่า สมรภูมิการแข่งขันของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2556 จะขยายฐานออกไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายผลักดันโครงการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์  เช่นรถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง โครงการทางพิเศษเชื่อมระหว่างเมือง ทางพิเศษเชื่อมเมืองชายแดนโครงการทางพิเศษระหว่างเมือง(มอเตอร์เวย์)สายต่างๆ  ส่งผลให้เกิดทำเลใหม่ เมื่อเทียบกับกทม.ที่มีอัตราเติบโตคงที่  อย่างไรก็ดีจากการสำรวจพบว่าการขยายตัวบ้านแนวราบในต่างจังหวัดสูงกว่ากทม.ประมาณสองเท่าตัว ขณะที่แนวสูงโตกว่า กทม.หนึ่งเท่าตัว นอกจากนี้ ยังคงมีเรื่องของธุรกิจเกี่ยวเนื่องเช่นค้าปลีก พาณิชยกรรมรูปแบบใหม่  

    ปัจจัยที่เอื้อต่อการลงทุนด้านที่อยู่อาศัยต่างจังหวัด นอกจากโครงการขนาดใหญ่ของรัฐแล้ว ยังต้องพิจารณาด้านรายได้ต่อหัวของประชากร ที่ผู้ประกอบการต้องเลือกเข้าไปลงทุนเพื่อความได้เปรียบโดยเฉพาะเมืองอุตสาหกรรมและเมืองท่องเที่ยว  เช่น  ระยอง รายได้ต่อหัวสูงสุดของประเทศ 1.2 ล้านบาทต่อคนต่อปี  รองลงมาชลบุรี  5.4 แสนบาทต่อคนต่อปี  สมุทรปราการ กว่า 5 แสนบาทต่อคนต่อปี  สมุทรสาคร 5.2 แสนบาทต่อคนต่อปี  พระนครศรีอยุธยา 4.6 แสนบาทต่อคนต่อปี  ภูเก็ต 3.2 แสนบาทต่อคนต่อปี ประจวบคีรีขันธ์ 1.3 แสนบาทต่อคนต่อปี สงขลา 1.3 แสนบาท ต่อคนต่อปี เชียงใหม่รายได้  92,000 บาทต่อคนต่อปี  นครราชสีมา 6.6 หมื่นบาทต่อคนต่อปี  นอกจากนี้ยังมี สระบุรี เขาใหญ่  ที่ขณะนี้เป็นทำเลทองฮอตฮิตของอสังหาริมทรัพย์ทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านแนวราบ
 
  ปัจจัยต่อมา คือ เมืองการค้าชายแดน ที่ติดกับไทย พบว่ามีธุรกรรมปีละ 7.5 แสนล้านบาท ส่งออก 4.6 แสนล้านบาทต่อปี ที่เป็นทำเลทองด้านพัฒนาที่ดินเช่น หนองคาย มุกดาหาร อุบลราชธานี  ตราด ประจวบคีรีขันธ์ สงขลา   ขณะที่จังหวัดที่มีผลพวงเกี่ยวกับการเปิดเสรีประชาคมอาเซียน หรือเออีซี  อย่างไรก็ดี ทุกภาคจะมีโครงการของรัฐ เช่น  ภาคเหนือ โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4  (ไทย-ลาว) ที่เชียงของเชียงราย ศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าที่เชียงของ  รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่   ภาคอีสาน  รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หนองคาย รถไฟทางคู่กรุงเทพฯ-ขอนแก่น โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าที่อุบลราชธานี และนครราชสีมา  โครงการมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช  โครงการมอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรีเชื่อมทวาย  ฯลฯ

    สำหรับภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ ปี 2555 ช่วง 11 เดือน  เมื่อเทียบกับปี 2554 อัตราการเติบโตใกล้เคียงกันแต่หากตัวเลขการปล่อยสินเชื่อ ปี 2555 ดูจะสูงกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่า อสังหาฯ ในปีนี้จะเติบโตกว่าปีที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้เกิดจากปัจจัยของน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ส่งผลให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)  ปล่อยซอฟต์โลน หรือวงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำวงเงิน 3 แสนล้านบาทให้กับผู้ประสบภัยในช่วงเดือนเมษายน 2555 แยกเป็นสินเชื่อที่อยู่อาศัย 50% เอสเอ็มอี 50% โดยกระจายให้กับธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ ในอัตราดอกเบี้ย 3% คงที่ 5 ปีโดยกสิกรไทยได้รับจัดสรร 1.4 หมื่นล้านบาท แยกเป็นสินเชื่อบ้านใหม่ 8,000 ล้านบาท และอีกส่วนจะเป็นการรีไฟแนนช์ นอกจากนี้ยังมีวงเงินพิเศษ หรือเอ็กซ์ตรา 5 หมื่นล้านบาทซึ่งช่วยกระตุ้นให้เกิดการขอสินเชื่อมากขึ้น   

    เมื่อย้อนดูตัวเลข 6 เดือนแรกของปี 2555พบว่ามียอดปล่อยสินเชื่อรวมสูงถึง 2.2 แสนล้านบาทในจำนวนนี้เป็นซอฟต์โลนสูงถึง 1แสนกว่าล้านบาทหากเทียบกับปี 2554 ทั้งปีมีเพียง 1.5 แสนล้านบาทส่งผลให้ 6 เดือนแรกของปี 2555 มีอัตราเติบโตทั้งระบบสูงถึง 5.4% หากครึ่งปีหลังโตเท่ากับปีที่ผ่านมาประเมินว่าปีนี้จะมีอัตราเติบโตของสินเชื่อที่อยู่อาศัย 9.5% ส่วนปี 2554 เติบโต 7%  แต่ย้ำว่าภาพรวมทั้งประเทศจะโตใกล้เคียงกับปี2554 ขณะที่การเติบโตของอสังหาฯจะเกาะติดกับจีดีพี ซึ่งปี 2555 จีดีพีโต 5% ปี2556 โตเพียง 4.6%   ทั้งนี้ศูนย์วิจัยกสิกรฯ ฟันธงว่า ภาคส่งออก ปี2556 น่าจะดีกว่าปี2555 ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องจักรตัวใหญ่ที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ

    นายชาติชายวิเคราะห์ถึงปัจจัยบวก จะเป็นเรื่องของดอกเบี้ยแนวโน้มปี 2556 จะทรงและลง  นอกจากนี้ยังมีเรื่องค่าแรง 300บาท  มาตรการบ้านหลังแรกส่วนเงินเฟ้อที่แบงก์ชาติกังวลไม่น่าตกใจที่สำคัญผลกระทบน้ำท่วมฟื้นตัวเร็วและผู้บริโภคยังติดถิ่นที่อยู่ ส่วนผู้ที่วางเงินดาวน์แล้วส่วนใหญ่เป็นคนชั้นกลางทำให้การทิ้งดาวน์และมองหาทำเลใหม่จึงน้อยมาก

"ทิศทาง แนวโน้มปี 56  จะเท่ากับหรือดีกว่าปี2555 เหตุผลสำคัญคือ ผู้บริโภคไม่เปลี่ยนทำเลเนื่องจากนิสัยคนไทยติดถิ่น ดอกเบี้ยจะทรง-ลง หากชั่งน้ำหนักแล้ว 60% ดอกเบี้ยจะลง  ส่วน 40% จะก้ำกึ่ง"

    ส่วนแอลทีวีมาตรการป้องปรามฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์กรณีการบังคับให้ผู้บริโภควางเงินดาวน์ 5% หรือแบงก์ปล่อยกู้แนวราบไม่เกิน 95% ที่เริ่มวันที่ 1 มกราคม 2556ประเมินว่าไม่กระทบกับกำลังซื้อเนื่องจากที่ผ่านมาทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรได้เรียกเก็บเงินดาวน์ 5-10% จากลูกค้าอยู่แล้ว  ส่วนปัจจัยลบ จะเป็นเรื่องของต้นทุนค่าก่อสร้าง แรงงานที่จะกระทบเป็นลูกโซ่ ฉุดให้ราคาบ้านสูงขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ขณะที่วิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐฯกับยุโรป ไม่กระทบเหมือนอุตสาหกรรมอื่นเพราะมักเกี่ยวกับปัจจัยภายในประเทศมากกว่าหากการเมืองดี น้ำไม่ท่วมก็ไร้ปัญหา  
ที่มา : จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 32 ฉบับที่ 2,793 วันที่  18-21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555



วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ข่าว - อสังหาฯอุดร-อุบลบูมสนั่น จัดสรรเมืองกรุงซุ่มผุด 30 โครงการ ดันที่ดินพุ่ง


ผอ.ศูนย์ข้อมูลอสังหา ชี้ตลาดอสังหาฯภาคอีสานขยายตัวต่อเนื่อง "อุดร-อุบล" น่าจับตามอง ดีเวลอปเปอร์รายใหญ่จากส่วนกลางซุ่มซื้อที่ดินผุดโครงการทั้งแนวราบ-สูงราว 30 โครงการ ดันราคาที่ดินพุ่งสูงเท่าตัว

       เหตุธุรกิจการค้าชายแดนบูมต่อเนื่องรับกระแสเออีซี "ศุภาลัย"เตรียมปักหมุดอุดรปีหน้า หลังประสบความสำเร็จเปิดตลาดที่ขอนแก่น

       นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ในการประชุมกับผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของจังหวัดอุดรธานีและจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อรวบรวมข้อมูลด้านอสังหาริมทรัพย์ พบว่า ทั้ง 2 จังหวัดมีการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเศรษฐกิจตามแนวการค้าชายแดนมีการเจริญเติบโตอย่างมาก 

บทความ - คอลัมน์: ก่อสร้างและที่ดิน: สารภาพกับคอนโดฯ


ความฝันของคนทั่วไปเมื่อต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ส่วนใหญ่อยากมีบ้านเดี่ยว มีบริเวณเลี้ยงสัตว์หมาแมว จัดสวนปลูกดอกไม้กันทั้งสิ้น จะทำแบบสอบถามกันกี่ครั้งกี่รอบในระยะเวลาหลาย 10 ปีมา แทบทุกรายตอบเหมือนๆ กันว่า อยากมีที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว

ทั้งที่ความเป็นจริงในกระเป๋า อาจมีเงินเพียงพอที่จะซื้อทาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝด หรือคอนโดมิเนียม เท่านั้น

ในระยะ 3-4 ปีมานี้ โครงการคอนโดมิเนียมใหม่คึกคักมาก ได้รับความนิยมมาก เริ่มจากในกรุงเทพฯ ปริมณฑล ประมาณปี พ.ศ.2551-2552 มีโครงการคอนโดฯ เปิดตัวใหม่จำนวนมาก จนกระทั่งจำนวนยูนิตเสนอขายมากกว่าบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์  ต่อมาอีก 1-2 ปีเมื่อโครงการคอนโดมิเนียมก่อสร้างเสร็จโอนให้ผู้ซื้อ ก็ทำให้สถิติการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย คอนโดมิเนียมก็ครองอันดับ 1 ของประเภทที่อยู่อาศัยที่มีการโอนมากที่สุด

ปีกว่ามานี้ ในส่วนภูมิภาค ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ ขอนแก่น อุดรธานี ก็มีโครงการคอนโดมิเนียม และขายดีเสียด้วย 

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

บทความ - 10 สุดยอดสถาปัตยกรรมจีน


1. สนามบินนานาชาติปักกิ่ง

             
 

            สนามบินโฉมใหม่ที่มีขนาดกว่า 1 ล้านตารางเมตร ซึ่งใหญ่กว่าเพนตากอนของสหรัฐอเมริกานี้ เป็นฝีมือของผู้ออกแบบสนามบินเช็กแลพก๊อกของฮ่องกงด้วย นั่นคือ Foster & Partners สถาปนิกนักเดินทาง ที่เข้าถึงจิตใจผู้โดยสาร ด้วยการออกแบบทางเดินแต่ละส่วนให้สั้นที่สุด ฟอสเตอร์ ได้แบ่งอาคารที่กว้างขว้างใหญ่โตของสนามบินนานาชาติปักกิ่งออกเป็น 2 ข้าง ทอดตัวจากทิศใต้ไปสู่ทิศตะวันออก เพื่อช่วยลดไอร้อนจากแสงอาทิตย์ แต่ติดสกายไลท์ให้แสงแดดละมุนละไมได้ฉายส่องเข้ามา พร้อมทั้งใช้นวัตกรรมใหม่ที่ช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนภายในตัวอาคาร กำหนดสร้างเสร็จปี 2007

            นอกจากนี้ จีนยังมีแผนที่จะสร้างสนามบินใหม่ถึง 108 แห่งระหว่างปี 2004-2009 ซึ่งรวมทั้งสนามบินนานาชาติปักกิ่งแห่งนี้ ที่จะเปิดให้บริการปลายปี 2007 เพื่อต้อนรับโอลิมปิก 2008 โดยจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 43 ล้านคนในปีแรก และเพิ่มเป็น 55 ล้านคนในปี 2015


วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ข่าว - แสนสิริเปิดคอนโดเมืองขอนแก่น


แสนสิริ  เปิดตัว  “เดอะ  เบส  ไฮท์  ขอนแก่น” รับไลฟ์สไตล์ชีวิตคนเมือง ด้วยงบลงทุน 2,100 ล้านบาท

นายอุทัย  อุทัยแสงสุข  รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส  สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม  บริษัท  แสนสิริ เปิดเผยว่า  บริษัทได้เตรียมเปิดตัวโครงการ “เดอะ  เบส  ไฮท์  มิตรภาพ-ขอนแก่น” ซึ่งเป็นอาคารพักอาศัยสูง  36 ชั้น  จำนวน  983  ยูนิต ภายในจะ ประกอบด้วยห้องพักขนาด  1-2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่  29.00-65.00 ตารางเมตร มูลค่าการลงทุนของโครงการรวมประมาณ  2,100 ล้านบาท  โดยเมื่อสร้างเสร็จจะเป็นอาคารสูงที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพโดยรอบของเมืองขอนแก่น

ข่าว - บ้านต่ำล้านใกล้สูญพันธุ์

บ้านต่ำล้านหายไปจากตลาด พฤกษาชี้อีก 3 ปีต้นทุนทำไม่ไหว คาดบ้านปีหน้าขึ้นอีก 5% อ้างเงินเฟ้อ ค่าจ้าง

นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท กล่าวว่า ปัจจุบันบ้านราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท มีสัดส่วนอยู่เพียง 10% ของบ้านที่เปิดขายทั้งหมด ลดลงจาก 5 ปีที่แล้ว ที่มีสัดส่วนอยู่ประมาณ 30% เนื่องจากต้นทุนการพัฒนาที่เพิ่มขึ้นทุกปี และคาดว่า ใน 2-3 ปีข้างหน้าจะไม่สามารถพัฒนาบ้านราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทได้อีกแล้ว
“ปัจจุบันบ้านและคอนโดมิเนียมราคาต่ำที่สุดที่บริษัทเปิดขายราคาอยู่ที่ 9 แสน-1 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนน้อยมาก เมื่อเทียบกับ 5 ปีที่แล้ว ที่มีสัดส่วน 30% แต่บ้านราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท จะยังคงมีขายอยู่อีก 2-3 ปี ซึ่งคาดว่าต้นทุนจะทำราคาบ้านให้ต่ำกว่า 1 ล้านบาทไม่ได้แล้ว” นายทองมา กล่าว
สำหรับแนวโน้มตลาดในปีหน้า ปัจจัยเรื่องเงินเฟ้อจากการปรับค่าจ้าง จะทำให้ต้นทุนบ้านเพิ่มขึ้นอีกซึ่งจะทำให้ราคาบ้านปรับขึ้นไปอีก 5% ขณะเดียวกันผู้บริโภคเองก็จะมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มที่ขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อ บริษัทจึงพยายามบริหารจัดการด้านต้นทุน เพื่อปรับราคาบ้านให้ขึ้นไม่เกิน 2-3% ให้สอดรับกับกำลังซื้อในอนาคต

วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

บทความ - อยากรู้มั้ย ? ที่ดินเมืองไทยตรงไหน ? "ตารางวาเดียว"ราคา 1.5 ล้านบาท


ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด เปิดเผยว่า  ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทยของบริษัทฯ ทำการศึกษาและรวบรวมข้อมูลการเปลี่ยนแปลงราคาที่ดินและที่อยู่อาศัย ระหว่างพ.ศ.2528-2555 ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลพบว่า มีการเปลี่ยนแปลงราคาที่ดินที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ผลการศึกษาในปี 2554 พบว่า แปลงที่ดินที่มีราคาตลาดสูงสุดคือบริเวณสยามพารากอน บริเวณสยามสแควร์ บริเวณใกล้สถานีรถไฟฟ้า ชิดลม และบริเวณใกล้สถานีรถไฟฟ้าเพลินจิต ตามแนวดังกล่าวนี้ ราคาที่ดินที่ประเมินได้เป็นเงิน 1.4 ล้านบาทต่อตารางวาหรือ ไร่ละ 560 ล้านบาท  คาดว่าในปี 2555 ราคาที่ดินบริเวณนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 ล้านบาทต่อตารางวา

ข่าว - "ไทยพาณิชย์"ชี้ไร้ฟองสบู่อสังหา แต่กทม.เริ่มอิ่มตัว เตือนระวังการลงทุน

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ออกบทวิเคราะห์ภาคอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า แม้จะเกิดความกังวลเรื่องฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากราคาที่อยู่อาศัยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่การพิจารณาองค์ประกอบของสภาวะฟองสบู่ ไม่อาจมองจากมุมมองด้านราคาได้อย่างเดียวเพราะต้องพิจารณาต่อไปอีกว่า ราคาที่เพิ่มขึ้นตั้งอยู่บนความสมเหตุสมผลของตลาดหรือไม่ สภาวะฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นสภาวะมายาภาพที่ราคาภาคอสังหาริมทรัพย์เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนทำให้เกิดการเก็งกำไรในสินทรัพย์ประเภทอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้อุปสงค์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นอุปสงค์เพื่อที่อยู่อาศัยที่แท้จริง

แต่ทั้งนี้การระบุประเภทของอุปสงค์ว่าเป็นอุปสงค์ที่ซื้อเพื่อที่อยู่อาศัยแท้จริงหรือเพื่อเก็งกำไรทำได้ยากเพราะในปัจจุบันยังไม่มีการเก็บข้อมูลในส่วนนี้ อย่างไรก็ตามการเปรียบเทียบบริบทและปัจจัยสนับสนุนความร้อนแรงในภาคอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันกับบทเรียนความร้อนแรงของตลาดในช่วงก่อนวิกฤติจะช่วยทำให้เข้าใจภาพรวมตลาดอสังหาฯ ได้ดีขึ้น

บริบทต่างๆ ของภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน (2008-2011) เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อนวิกฤติเศรษฐกิจ (1993-1996) ไม่พบความร้อนแรง แม้ว่าระดับราคาที่อยู่อาศัย ใน 4 ปีที่ผ่านมาจะเริ่มมีการเพิ่มสูงขึ้น จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำเป็นระยะเวลานาน แต่อีกส่วนหนึ่งก็เป็นการเพิ่มจากแรงผลักของต้นทุนการก่อสร้าง และ มูลค่าที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้อัตราการเติบโตของราคาที่อยู่อาศัยในปัจจุบันโดยรวมแล้วปรับตัวขึ้นราว 4% ภายใน 4 ปี หรือเฉลี่ยที่ 1% ต่อปี 

วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ข่าว - เอเชียช็อปคอนโดหรูไทย


แกรนด์ แอสเสทเผยกำลังซื้อต่างชาติโซนเอเชียมาแรง มั่นใจสิ้นปีดัน เดอะ ไฮด์สุขุมวิท 31 ยอดขายแตะ 75%

นายพีรพล นนทสูติ รองประธานบริหาร ฝ่ายขาย การตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัท แกรนด์แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ เปิดเผยว่า แนวโน้มการซื้อคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ของต่างชาติปรับตัวดีขึ้น ส่วนใหญ่เป็นต่างชาติโซนเอเชีย เช่น จีน ไต้หวันฮ่องกง สิงคโปร์ และเวียดนาม

ทั้งนี้ เนื่องจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางที่ดีในการเชื่อมต่อไปยังประเทศอื่นๆในอาเซียน จึงมีต่างชาติสนใจซื้อคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นเพื่อใช้เป็นฐานทำธุรกิจทั่วภูมิภาค

อย่างไรก็ตาม ภาวะตลาดคอนโดมิเนียมหรูใจกลางกรุงเทพฯในปัจจุบันตลาดหลักยังคงเป็นคนไทย เพราะกำลังซื้อต่างชาติโซนยุโรป อเมริกา ยังไม่ฟื้นตัวกลับมาโดยประเมินได้จากโครงการ "ไฮด์สุขุมวิท 13" ของบริษัท มีกลุ่มลูกค้าคนไทยมากถึง 70% ส่วนต่างชาติมีสัดส่วน 30%

สำหรับภาพรวมยอดขายโครงการดังกล่าว ปัจจุบันอยู่ที่ 70%ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย โดยมั่นใจว่าภายในสิ้นปียอดขายจะขยับขึ้นไปที่ 75% และจะปิดการขายได้ทั้งหมดภายในปีหน้า โดยเฉพาะช่วงก่อสร้างเสร็จปลายปีหน้า เชื่อว่ายอดขายจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง 

ข่าว - อสังหาฯเปิดศึกโมบาย มาร์เก็ตติงรับพฤติกรรมคนซื้อบ้านยุค 3จี



การสร้างแบรนด์ผ่านสื่อออนไลน์ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในวันนี้ไม่ใช่เพิ่งเริ่มต้น แต่ดุเดือดมากว่า 3 ปีแล้วและมีแนวโน้มว่าจะรุนแรงต่อเนื่องเมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคนิยมท่องโลกออนไลน์และใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ นักการตลาดยังคาดการณ์ว่าในปี 2556 ศึกอสังหาฯ บนโซเชียลมีเดียจะทวีความรุนแรงขึ้นจากปริมาณการใช้สื่อดังกล่าวที่เพิ่มขึ้น ทั้งเพื่อการสื่อสารระหว่างบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และสื่อสารในกลุ่มผู้บริโภคด้วยกันเอง

รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา ที่ปรึกษาด้านการตลาด บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟคกล่าวว่า โซเชียลมีเดียจะกลายเป็นเครื่องมือในการสร้างแบรนด์ให้กับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยผู้ที่สร้างแบรนด์ผ่านโซเชียลมีเดีย ไม่ใช่ "เจ้าของแบรนด์" อีกต่อไป แต่เป็น "ผู้บริโภค"

"ก่อนที่จะเกิดโซเชียลมีเดีย ผู้ประกอบการเป็นคนควบคุมแบรนด์ แต่ปัจจุบันคนซื้อบ้านเป็นผู้ควบคุมแบรนด์ เพราะหลังการขายคนซื้อจะสื่อสารกันผ่านโซเชียลมีเดียคุณภาพบ้านเป็นอย่างไร บริการเป็นอย่างไรถ้ามีอะไรที่ไม่ดีก็จะกระจายเป็นวงกว้างในเวลาอันรวดเร็ว" 

วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ประกาศ - "ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างบนพื้นที่ทำเลทอง@ถนนเส้นหลักสู่สนามบินนานาชาติ จังหวัดอุดรธานี"


"Land and buildings on a prime area@main road to Udonthani International Airport"

"ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างบนพื้นที่ทำเลทอง@ถนนเส้นหลักสู่สนามบินนานาชาติ จังหวัดอุดรธานี"



บริเวณส่วนหน้าติดถนนซอยเส้นทางหลักสู่สนามบิน

บริเวณด้านหน้าทรัพย์

พื้นที่เหมาะสำหรับค้าขายหรือทำธุรกิจ


ที่ดินอยู่หัวมุมถนน
บ้านที่อยู่อาศัย

วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ข่าว - ปีหน้าบ้านขึ้นราคา10-20% ที่ดินแพง วัสดุก่อสร้าง-ค่าแรงพุ่ง



นายเสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด และที่ปรึกษาทางการตลาดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ปี 2555 ว่า การเติบโตของตลาดไม่หวือหวาเท่าที่ควร เนื่องจากผู้บริโภคดูแนวโน้มของสภาวะทางเศรษฐกิจและน้ำท่วม โดยเฉพาะผู้ที่ตัดสินใจจะซื้อบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ สวนทางกับคอนโดมิเนียม ทำเลใกล้รถไฟฟ้าและบ้านราคาสูงยังเติบโตได้ดี คาดว่าช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีตลาดอสังหาฯจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเหมือนปีที่ผ่านมา และปัจจัยบวกจากนโยบายภาษีบ้านหลังแรกที่จะสิ้นสุดภายในปีนี้ ผู้ประกอบการแต่ละรายจะแข่งขันกันดุเดือดมากขึ้นจากการทำการตลาดจูงใจลูกค้า ซึ่งจะเป็นการจับมือกับพันธมิตรอย่างธนาคารหรือศูนย์ค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น

นายเสรีกล่าวถึงแนวโน้มอสังหาฯปี 2556 ว่า ราคาจะปรับขึ้นแน่นอน 10-20% ผลจากราคาที่ดิน ราคาวัสดุก่อสร้าง และค่าแรงที่สูงขึ้น โดยตลาดทาวน์เฮาส์ที่ซบเซามานานน่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้งในทำเลที่ดี เพราะปีนี้มีปัจจัยดีคือผู้บริโภคไม่กังวลต่อปัญหาน้ำท่วม การประกาศลดดอกเบี้ยจากธนาคาร แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องความไม่มั่นคงทางการเมือง เศรษฐกิจยุโรปและสหรัฐอเมริกายังไม่สดใส ?การแข่งขันในตลาดอสังหาฯจะต่อสู้กันมากขึ้น เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคยังต้องการจะซื้อบ้านพร้อมกับสิทธิพิเศษต่างๆ มากมาย เช่น เฟอร์นิเจอร์ครบ ยกเว้นค่าสมาชิกสโมสร รวมไปถึงบริการหลังการขายที่ดี? นายเสรีกล่าว และว่า ทิศทางการทำการตลาดของธุรกิจอสังหาฯจะแข่งขันประชาสัมพันธ์ด้วยสื่อออนไลน์ เช่น โซเชียล มีเดีย มากยิ่งขึ้น เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปให้ความสนใจกับสื่อออนไลน์มากขึ้น อีกทั้งสื่อออนไลน์สามารถลงรายละเอียดได้มากขึ้น สร้างความสนใจได้มากขึ้นและผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ง่าย

ที่มาของข่าว: มติชนออนไลน์

ข่าว - "ศุภาลัย-แสนสิริ" ใหญ่ชนใหญ่ เปิดศึกชิงเจ้าตลาดอสังหาฯภูธร


ตลาดอสังหาฯต่างจังหวัดในเมืองท่องเที่ยวและเมืองเศรษฐกิจ 10 เดือนแรกที่ผ่านมา ร้อนแรงและมีสีสันอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ล่าสุด "อิสระ บุญยัง" นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ก็ออกมาฟันธงว่า...ปีหน้าตลาดอสังหาฯต่างจังหวัดจะยังคงคึกคัก 

แสนสิริเปิดเกม รุก-รบ-เร็ว

"ประชาชาติธุรกิจ" รวบรวบข้อมูลเปิดตัวโครงการในต่างจังหวัดของ บมจ.แสนสิริ พบว่าเริ่มพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดที่หัวหินเป็นแห่งแรกตั้งแต่ปี 2531 คือโครงการบ้านไข่มุก และขยายไปยังภูเก็ต เขาใหญ่ เชียงใหม่ และพัทยา ปัจจุบันมีโครงการเปิดตัวไปแล้ว 27 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 25,400 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านแฝด-ทาวน์เฮาส์ 2 โครงการ และคอนโดฯ 25 โครงการ 

ล่าสุดค่ายนี้เปิดตัวคอนโดฯในต่างจังหวัดอีก 2 โปรเจ็กต์รวด คือเดอะเบส อัพทาวน์ ภูเก็ต และเดอะเบส ไฮท์ มิตรภาพ ขอนแก่น และน่าจะเป็นโครงการส่งท้ายปีในต่างจังหวัด เท่ากับเบ็ดเสร็จนับจากไตรมาส 4/2554 ถึงปัจจุบัน แสนสิริลงทุนในภูธรแล้ว 21 โครงการ