วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555

ข่าว - ปัญหานอมินีอสังหาฯไทยวิกฤติ ผู้ตรวจการฯเร่งออกกม.ใน2ปี


"ปัญหานอมินีอสังหาฯไทยวิกฤติ ผู้ตรวจการฯเร่งออกกม.ใน2ปี"


คาดแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลมีนอมินีต่างชาติครองถึง 90% หวั่นไทยตกเป็นเมืองขึ้นศก.ต่างชาติ ดัน พ.ร.บ.คุ้มครองที่ดินให้รางวัลนำจับนอมินี 20%
มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย จัดเสวนาเรื่อง “การครอบครองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในไทยของชาวต่างชาติ : ข้อดี ข้อเสีย และสิ่งที่ควรคำนึงถึง” โดยมีตัวแทนจากทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมเป็นวิทยากร นายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา กล่าวว่า ปัจจุบันที่ดินในแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลหลักๆ ภูเก็ต พัทยา เกาะล้าน มีชาวต่างชาติมาถือครองลักษณะนอมินีแล้วไม่น้อยกว่า 90%
ล่าสุดคณะผู้ตรวจการแผ่นดินอยู่ระหว่าง ร่างพ.ร.บ.เพื่อคุ้มครองที่ดินของไทย ไม่ให้ตกเป็นของนอมินีต่างชาติ มีสาระสำคัญในการให้รางวัลนำจับนอมินีที่เข้ามาถือครองที่ดินเป็นเงิน 20% ของมูลค่าทรัพย์สินนอมินี ที่ยึดมาและขายทอดตลาดออกไปได้ และจะออกบทลงโทษที่ชัดเจนขึ้น จากเดิมเมื่อพบว่ามีนอมินีเข้ามาถือครองที่ดิน จะแค่บังคับให้ชาวต่างชาติจำหน่ายที่ดินออกไปภายใน 180 วัน แต่ต่อไป จะลงโทษผู้กระทำผิด 3 กลุ่ม กลุ่มแรก ชาวต่างชาติจะถูกยึดทรัพย์สินคืน และเนรเทศออกนอกประเทศ กลุ่มที่สอง ผู้ที่เป็นนอมินีให้ชาวต่างชาติจะถูกลงโทษ ทั้งในฐานะตัวการร่วม และผู้สนับสนุนการทำผิดทางอาญา และกลุ่มสุดท้ายที่ปรึกษากฎหมาย จะถูกลงโทษในฐานะตัวการร่วม ที่ชี้แนะช่องทางจนทำให้ชาวต่างชาติ คาดว่าจะผลักดันพ.ร.บ.ดังกล่าวออกมาใช้ได้ภายใน 2 ปี

ด้านนายอธิป พีชานนท์ ประธานสมาคมการค้ากลุ่มธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กฎหมายและนโยบายการให้ต่างชาติถือครองที่ดินในปัจจุบันยังขาดความชัดเจน ในอนาคตเพื่อรองรับการเปิดเออีซี ควรกำหนดตามหลัก Do and Don’t คือให้ทำและห้ามทำให้ชัดเจน โดยส่วนที่ควรอนุญาตให้ต่างชาติทำได้เพิ่มเติม ได้แก่ การถือครองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสำหรับทำธุรกิจโรงแรม เนื่องจากต่างชาติ มีเชนโรงแรมที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก การเปิดโอกาสให้เชนเหล่านั้นเข้ามาพัฒนาธุรกิจในไทย จะช่วยให้ไทยเป็นศูนย์รวมและกระจายการท่องเที่ยวระดับภูมิภาค

“นอกจากนี้ควรให้ชาวต่างชาติมีสิทธิถือครองสัดส่วนในอาคารชุดเพิ่มขึ้น จากเดิมที่ถือได้ไม่เกิน 49% เป็นไม่เกิน 75% แต่ส่วนที่เกินจาก 49% ไม่อนุญาตให้มีสิทธิในการโหวต และไม่มีสิทธิในการควบคุมนิติบุคคลอาคารชุด”

สิ่งที่ควรห้าม คือการถือครองที่ดินเพื่อทำธุรกิจบ้านจัดสรร เนื่องจากต่างชาติมีความแข็งแรงกว่า ทั้งด้านเงินทุนและความรู้ สามารถทำตลาดได้กว้างกว่าคนไทย หากอนุญาตให้ทำอย่างเต็มที่จะส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อผู้ประกอบการในประเทศ เช่นเดียวกับการถือครองที่ดินเพื่อทำธุรกิจการเกษตร หากปล่อยให้ถือครองได้ จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการเกษตรของไทย และไม่ควรปล่อยให้ชาวต่างชาติเข้ามาถือครองที่ดินเปล่าในประเทศไทย เนื่องจากที่ดินเปล่าของไทยมีราคาถูกเป็นลำดับต้นๆ ของโลก การเปิดช่องว่างจะทำให้ต่างชาติเข้ามาถือครองจำนวนมาก ที่ดินชายแดนก็เช่นกัน ไม่ควรให้สิทธิในการถือครอง เพราะหากถือครองไปนานๆ อาจกระทบต่อความมั่นคงและการสูญเสียดินแดนได้

ด้านนายกิตติ พัฒนพงศ์พิบูล ประธานกรรมการ มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันชาวต่างชาติที่เข้ามาถือครองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในไทย เสียค่าใช้จ่ายให้ไทยเพียงแค่ครั้งเดียว คือตอนลงทุน แต่หลังจากนั้นไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ อีกเลย ไทยจึงควรกำหนดให้ชาวต่างชาติต้องเสียภาษีสิ่งปลูกสร้างเป็นรายปีในอัตราที่สูง เพื่อป้องกันการเข้ามาลงทุนเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์

นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โจนส์ แลง ลาซาล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ควรให้สิทธิชาวต่างชาติเช่าที่ดินของไทยได้นานขึ้นจาก 30 ปี เป็น 60 ปี เพื่อสร้างความคุ้มค่าในการลงทุน

ที่มา....www.bangkokbiznews.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น