วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555

ข่าว - อสังหาฯ‘เหนือ-อีสาน’รุ่งทาวน์เฮาส์บี้บ้านเดี่ยวร่วง

"อสังหาฯ‘เหนือ-อีสาน’รุ่งทาวน์เฮาส์บี้บ้านเดี่ยวร่วง"



     หลังการแจ้งผลประกอบการของกลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปรากฏว่าในไตรมาส 2 ปี 2555 กำไรสุทธิของบริษัทส่วนใหญ่เฉลี่ยเติบโตเพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสแรกของปี 2555 แต่กลับลดลง 17% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปี 2554


     ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ส่วนใหญ่เห็นว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาฯในครึ่งปีหลังจะสดใสขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังคงมีสูงตามการเติบโตของเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ยต่ำหนุนให้มีการซื้อ และนโยบายโอนที่พักอาศัยโครงการบ้านหลังแรกของรัฐบาล ทำให้การตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยมีมากขึ้น เพราะหากเลื่อนการตัดสินใจไปซื้อในปีหน้าอาจได้ราคาบ้านแพงขึ้น

อสังหาฯกำไรครึ่งปีแรกวูบ

     นักวิเคราะห์ตลาดจึงเชื่อกันว่าในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทอสังหาฯจะมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งจากโครงการหลักทั้งแนวสูงและแนวราบที่จะแล้วเสร็จพร้อมโอน และจะทำกำไรได้มากกว่าครึ่งปีแรก โดยตัวเลขกำไรสุทธิของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯที่แถลงผลประกอบการแล้วส่วนใหญ่มีสัดส่วนไม่ถึง 50% ของกำไรทั้งปี โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2554 จะเห็นว่าตัวเลขลดลงอย่างชัดเจน
ตัวอย่างบริษัทกลุ่มท็อปเทนที่มีกำไรลดลง เช่น บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI มีกำไรสุทธิ 790 ล้านบาท โดยทั้งปี 2554 มีกำไร 2,015.08 ล้านบาท, บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI มีกำไรสุทธิ 568.12 ล้านบาท ทั้งปี 2554 มีกำไรสุทธิ 2,567.85 ล้านบาท, บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN มีกำไรสุทธิ 441.40 ล้านบาท ทั้งปี 2554 มีกำไรสุทธิ 1,917.26 ล้านบาท, บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC มีกำไรสุทธิ 353.75 ล้านบาท ทั้งปี 2554 มีกำไรสุทธิ 1,079.31 ล้านบาท และบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) SENA มีกำไรสุทธิ 144.97 ล้านบาท ทั้งปี 2554 มีกำไรสุทธิ 418.20 ล้านบาท

     รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า ธปท. ได้ประเมินภาวะตลาดอสังหาฯล่าสุดในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา พบว่าอุปสงค์และอุปทานปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสแรก โดยจำนวนที่อยู่อาศัยใหม่ที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้ ส่วนจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 21.6% จากไตรมาสแรกเช่นเดียวกัน

จัดสรรภาคเหนือบี้กรุงเทพฯ

     ส่วนตัวเลขการขออนุญาตจัดสรรที่ดินในรอบ 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค. 2555) เติบโตเพิ่มขึ้น โดยผู้ประกอบการอสังหาฯได้รับใบอนุญาตทั้งสิ้น 452 โครงการ จำนวน 45,009 ยูนิต แบ่งเป็นเขตกรุงเทพฯ 75 โครงการ จำนวน 9,286 ยูนิต และภูมิภาคทั่วประเทศ 377 โครงการ จำนวน 44,723 ยูนิต โดยทั่วประเทศแบ่งเป็นทาวน์เฮาส์ 22,849 ยูนิต หรือคิดเป็นสัดส่วนเกินครึ่งคือ 50.76% บ้านเดี่ยว 16,702 ยูนิต หรือคิดเป็น 37.10% บ้านแฝด 5,890 ยูนิต หรือคิดเป็น 13.08% อาคารพาณิชย์ 4,341 ยูนิต หรือคิดเป็น 9.64% และที่ดินเปล่า 174 ยูนิต หรือคิดเป็น 9.40%
ดังนั้น จึงแสดงให้เห็นว่าประชาชนยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบทั่วประเทศอีกจำนวนมาก โดยเฉพาะในจังหวัดปริมณฑลรอบๆกรุงเทพฯ หัวเมืองใหญ่ในภูมิภาค และเมืองท่องเที่ยวอย่างเชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก ขอนแก่น นครราชสีมา สุรินทร์ ชลบุรี และภูเก็ต
อย่างไรก็ตาม ในจำนวน 452 โครงการทั่วประเทศ เมื่อพิจารณาเป็นภูมิภาคต่างๆเปรียบเทียบกับกรุงเทพฯ พบว่าภาคเหนือมีการพัฒนาโครงการแนวราบถึง 74 โครงการ ซึ่งใกล้เคียงกับกรุงเทพฯที่มี 75 โครงการ ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมี 66 โครงการ และที่เหลืออีก 215 โครงการอยู่ในภูมิภาคอื่นๆ เนื่องจากผู้ประกอบการอสังหาฯขยายการพัฒนาโครงการไปในภูมิภาคต่างๆมากขึ้น เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงและรองรับการเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558
แม้การพัฒนาโครงการอสังหาในภูมิภาคต่างๆจะเพิ่มมากขึ้น แต่ใช่ว่าส่วนต่างของกำไรจะมีมากขึ้นเมื่อเทียบกับการลงทุนพัฒนาโครงการในกรุงเทพฯและปริมณฑล เนื่องจากค่าวัสดุก่อสร้างและขนส่งสินค้าซึ่งเป็นต้นทุนหลักแพงกว่านั่นเอง

     ในช่วง 4 เดือนสุดท้ายก่อนสิ้นปีจึงน่าจับตามองว่าบริษัทรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมทั้งรายกลางและเล็กจะพลิกฟื้นทำกำไรได้มากกว่าครึ่งปีแรกหรือไม่

ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 8 ฉบับ 376 วันที่ 8-14 กันยายน พ.ศ. 2555 หน้า 24 คอลัมน์ จับกระแสอสังหาฯ โดย สุริยะ คชินทร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น