วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2555

ข่าว - แสนสิริบุกหัวเมืองตลาดตจว.


     "แสนสิริบุกหัวเมืองตลาดตจว."


"แสนสิริ" รุกตลาดหัวเมืองครึ่งปีหลังเหตุมองตลาดอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ โตเริ่มนิ่ง อนาคตเล็งดันสัดส่วนยอดขายในต่างจังหวัดแตะ 30-40%



นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ หรือ SIRI เปิดเผยว่า กลยุทธ์การดำเนินงานครึ่งปีหลังปีนี้ บริษัทจะหันไปเน้นเปิดโครงการต่างจังหวัดมากขึ้น โดยเน้นในจังหวัดหัวเมืองที่มีความต้องการสูง ใกล้เคียงกับความต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เช่น หัวหิน ภูเก็ต และ เขาใหญ่ เพราะเห็นว่าความต้องการบ้านที่อยู่อาศัยใจเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เริ่มเติบโตคงที่ไม่หวือหวา ทั้งนี้เชื่อว่าการแข่งขันของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมจะเน้นหนักไปที่ตลาดต่างจังหวัดเช่นเดียวกัน

เขากล่าวต่อว่า บริษัทวางเป้าจะผลักดันยอดขายโครงการในต่างจังหวัดให้เพิ่มขึ้นเป็น 30-40% โดยครึ่งปีหลังนี้ บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 21 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 26,600 ล้านบาท โดยเตรียมนำเสนอที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์ เดอะ เบส และ ดี คอนโด เพื่อรุกขยายฐานในตลาดต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทั้งปีนี้ บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 44 โครงการ รวมมูลค่า 48,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการในต่างจังหวัด 17 โครงการ รวมมูลค่า 14,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30% ของมูลค่าโครงการรวม

เขากล่าวอีกว่า ยอดขายในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ จะอยู่ที่ 20,600 ล้านบาท หรือคิดเป็น 57% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ตั้งไว้ 36,000 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขายในช่วงครึ่งปีแรกที่ 12,000 ล้านบาท เพราะช่วงครึ่งแรกของปีนี้ บริษัทสามารถขยายฐานรายได้จากตลาดต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น คิดเป็นประมาณ 22% จากยอดขาย 20,600 ล้านบาทที่สามารถทำได้ในครึ่งปีแรก จึงเชื่อว่าในปีนี้บริษัทจะสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

นายอภิชาติ กล่าวว่า กำลังซื้อของผู้บริโภคในปีนี้ยังคือเป็นความต้องการที่แท้จริง แม้ว่าจะมีลูกค้าบางส่วนซื้อคอนโดเพื่อการเก็งกำไร แต่โดยรวมแล้วยังเชื่อในศักยภาพกำลังซื้อ และเชื่อว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยยังไม่ก้าวสู่การเป็นฟองสบู่เหมือนปี 2540 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ สะท้อนได้จากยอดขายในไตรมาส 1/2555 ที่ผ่านมาที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างมากจากไตรมาส 4 หลังจากที่ผ่านพ้นเหตุการณ์น้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

"ความเสี่ยงตอนนี้ ที่มีผลกระทบกับบริษัทก็คือความเสี่ยงที่กระทบกับการเติบโตของจีดีพีประเทศ เพราะบ้านที่อยู่อาศัยเป็นปัจจัย 4 ทำให้ความต้องการเติบโตขึ้นตามการขยายตัวของประชากรและจีดีพีประเทศ ส่วนปัจจัยอื่นบริษัทไม่มีความกังวลมาก เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อธุรกิจ"

นายอภิชาติ กล่าวอีกว่า บริษัทคาดการเติบโตของผลประกอบการจะเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ทำให้ราคาหุ้นตอบรับ และทำให้มูลค่าตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 500 ล้านดอลลาร์ได้ภายในสิ้นปี จากเดิมที่มาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 470 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้หากมาร์เก็ตแคปปรับเพิ่มขึ้น จะทำให้นักลงทุนต่างประเทศสามารถเข้าลงทุนในบริษัทได้ ปัจจุบันบริษัทมีผู้ถือหุ้นที่เป็นต่างประเทศประมาณ 20%

"จากที่ไปโรดโชว์ที่ประเทศสิงคโปร์เมื่อเดือนที่แล้ว มีผู้จัดการกองทุนให้ความสนใจค่อนข้างมาก จริงๆ แล้วผู้จัดการกองทุนต่างประเทศรู้จักอสังหาริมทรัพย์ของไทยเยอะ แต่ว่าที่ไม่สามารถเข้ามาลงทุนได้เพราะติดเรื่องไซส์ที่ไม่ใหญ่พอ"

ที่่มา......www.bangkokbiznews.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น