แสนสิริ"ตีโจทย์แตกการบริการหลังการขาย"
หากติดตามข่าวอสังหาริมทรัพย์อย่างใกล้ชิด ก็คงจะได้เห็นข่าวใหญ่ของ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่ออกมาประกาศปรับเพิ่มเป้ายอดขายปี 2555 จากเดิม 3.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มเป็น 4 หมื่นล้านบาท
หลังยอดขายในโครงการต่างๆ ฉุดไม่อยู่ 9 เดือนพุ่งทะลุไปกว่า 2.6 หมื่นล้านบาทปรากฏการณ์ครั้งนี้ ต้องยอมรับว่าเกิดจากปรับแผนการกลยุทธ์ครั้งสำคัญ ที่มุ่งเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งในเขตกรุงเทพฯและต่างจังหวัด จากแผนเดิมที่จะเปิดโครงการใหม่ทั้งปี จากจำนวน 44 โครงการเพิ่มเป็น 50 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 5.52 หมื่นล้านบาท ในขณะที่มียอดขายล่วงหน้า (Pre-sale Back Log) สูงสุดในระบบแล้วถึง 4.2 หมื่นล้านบาท
อีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญหนึ่งที่น่าสนใจ ทำให้แสนสิริ ก้าวมาถึงจุดนี้ได้ก็คืออีกคนหนึ่ง นั่นก็คือ "อภิชาติ จูตระกูล" ประธานอำนวยการบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่ปีนี้เน้นดูแลการเปิดตัวโครงการในต่างจังหวัดเป็นพิเศษ ให้สัมภาษณ์แบบเปิดอกถึงเส้นทางความสำเร็จกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า สิ่งที่ทำให้โครงการของแสนสิริได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภค จนสามารถทำให้ยอดขายทะลุเป้าหมายเดิมที่วางไว้ คือ การบริการหลังการขาย
"แสนสิริ" มีบริษัทในเครืออย่าง บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่มีอายุถึง 25 ปี แล้ว ถือเป็นบริษัทลูกที่ทำหน้าที่บริหารจัดการทรัพย์สินของทุกโครงการที่แสนสิริดำเนินธุรกิจ มีหน้าที่สำคัญ 2 ส่วนด้วยกันคือ 1.บริการซื้อขายเช่าอสังหาริมทรัพย์ ที่ไม่เพียงเป็นตัวแทนจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ หากยังทำธุรกิจตัวแทนบริหารงานโครงการ และทำธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และ 2.บริการบริหารจัดการอาคาร และบริการบริหารจัดการด้านที่อยู่อาศัย ที่พร้อมจะเพิ่มมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ด้วยการบริหารจัดการ และบำรุงรักษาอาคารอย่างมืออาชีพสำหรับอาคารทุกประเภท ตั้งแต่อาคารพาณิชย์ และโครงการเพื่อพักอาศัย
"การที่เราดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ควบคู่ไปกับการทำธุรกิจบริหารจัดการ ทำให้เราสามารถควบคุมการดำเนินงานได้อย่างมีระบบ ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าเมื่อซื้อโครงการของแสนสิริแล้ว จะไม่ถูกปล่อยลอยแพเหมือนกับโครงการอื่น เพราะเรามีบริษัทดูแลอย่างต่อเนื่อง และนี่คือสิ่งที่ทำให้ลูกค้าประทับใจจนเกิดการบอกต่อ ลูกค้าบางรายแม้จะซื้อบ้านของเราไปแล้ว ก็ยังกลับมาซื้อคอนโดมิเนียมของเราเพิ่มเติมอีก ดังนั้นเมื่อเราขยับขยายออกสู่ต่างจังหวัด เราจึงได้รับความไว้วางใจจากทั้งลูกค้ากลุ่มเดิมและกลุ่มใหม่" นายอภิชาติ กล่าว
สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยวในต่างจังหวัด ปีนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมในทำเลที่มีศักยภาพอย่าง หัวหิน ภูเก็ต เขาใหญ่ และเชียงใหม่ ซึ่งในไตรมาส 4 บริษัท ยังคงขยายฐานธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นเปิดคอนโดมิเนียมถึง 7 โครงการทั้งในกรุงเทพฯ หัวหิน ภูเก็ต พัทยา ขอนแก่น และเขาใหญ่ มูลค่ารวมกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะช่วยสนับสนุนยอดขายในปี 2555 ของแสนสิริให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยบริษัทยังได้มีแผนจัดงานกระตุ้นยอดขายจาก 7 โครงการใหม่ใน 4 จังหวัดท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ หัวหิน ภูเก็ต พัทยา เขาใหญ่ ในระดับราคาตั้งแต่ 1.5 – 39 ล้านบาท
จากผลการดำเนินงานที่ดีมาตลอด 9 เดือน ทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ สนใจในหุ้นของบริษัท ดังนั้นบริษัทจึงเตรียมเดินทางโรดโชว์ในประเทศต่างๆ ทั้งโซนยุโรป – เอเชีย โดยประเทศแรกที่จะเดินทางไปโรดโชว์คือ สหรัฐอเมริกา ในช่วงระหว่างวันที่ 15-20 ตุลาคม 2555 โดยร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นระยะเวลา 5 วัน หลังจากนั้นในช่วงปลายปีก็จะมีแผนเดินทางไปโรดโชว์ต่อที่ประเทศในแถบยุโรป และสิงคโปร์
"ในส่วนของการลงทุนในต่างประเทศนั้น ขณะนี้บริษัทยังไม่มีแผนที่จะไปลงทุนในประเทศใด แม้ว่ากระแสเออีซีจะแรงก็ตาม เพราะเล็งเห็นว่ากฎระเบียบในประเทศเหล่านั้นยังไม่นิ่ง อีกทั้งแสนสิริเองก็มีโครงการ '9 Elvaston Place' ที่ตั้งอยู่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษอยู่แล้ว หรือแม้แต่ประเทศในกลุ่มยุโรปเอง ที่หลายๆ คนมองว่าน่าจะใช้โอกาสที่ยุโรปประสบภาวะเศรษฐกิจ เข้าไปซื้อสินค้าราคาถูก แต่ส่วนตัวมองว่ามันไม่ใช่ที่ของเรา" นายอภิชาติ กล่าวและว่า
ดังนั้นอย่าเพิ่งไปยุ่งกับมัน รอให้มันเจ๊งจริงๆค่อยไปซื้อ ฝรั่งไม่ได้จนจริงๆหรอก เชื่อว่าตอนนี้อาจจะมีการย้ายเงินจากประเทศหนึ่งไปประเทศอื่นด้วยซ้ำ เพื่อไปตั้งกองทุนของตัวเอง แล้วช้อนซื้อของของตัวเอง ประกอบกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศก็ยังมีเหลืออีกเป็นจำนวนมาก ดังนั้น ณ เวลานี้ เราจึงยังไม่สนใจไปลงทุนในต่างประเทศ" นายอภิชาติ กล่าวทิ้งท้าย
"แสนสิริ" มีบริษัทในเครืออย่าง บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่มีอายุถึง 25 ปี แล้ว ถือเป็นบริษัทลูกที่ทำหน้าที่บริหารจัดการทรัพย์สินของทุกโครงการที่แสนสิริดำเนินธุรกิจ มีหน้าที่สำคัญ 2 ส่วนด้วยกันคือ 1.บริการซื้อขายเช่าอสังหาริมทรัพย์ ที่ไม่เพียงเป็นตัวแทนจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ หากยังทำธุรกิจตัวแทนบริหารงานโครงการ และทำธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และ 2.บริการบริหารจัดการอาคาร และบริการบริหารจัดการด้านที่อยู่อาศัย ที่พร้อมจะเพิ่มมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ด้วยการบริหารจัดการ และบำรุงรักษาอาคารอย่างมืออาชีพสำหรับอาคารทุกประเภท ตั้งแต่อาคารพาณิชย์ และโครงการเพื่อพักอาศัย
"การที่เราดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ควบคู่ไปกับการทำธุรกิจบริหารจัดการ ทำให้เราสามารถควบคุมการดำเนินงานได้อย่างมีระบบ ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าเมื่อซื้อโครงการของแสนสิริแล้ว จะไม่ถูกปล่อยลอยแพเหมือนกับโครงการอื่น เพราะเรามีบริษัทดูแลอย่างต่อเนื่อง และนี่คือสิ่งที่ทำให้ลูกค้าประทับใจจนเกิดการบอกต่อ ลูกค้าบางรายแม้จะซื้อบ้านของเราไปแล้ว ก็ยังกลับมาซื้อคอนโดมิเนียมของเราเพิ่มเติมอีก ดังนั้นเมื่อเราขยับขยายออกสู่ต่างจังหวัด เราจึงได้รับความไว้วางใจจากทั้งลูกค้ากลุ่มเดิมและกลุ่มใหม่" นายอภิชาติ กล่าว
สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยวในต่างจังหวัด ปีนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมในทำเลที่มีศักยภาพอย่าง หัวหิน ภูเก็ต เขาใหญ่ และเชียงใหม่ ซึ่งในไตรมาส 4 บริษัท ยังคงขยายฐานธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นเปิดคอนโดมิเนียมถึง 7 โครงการทั้งในกรุงเทพฯ หัวหิน ภูเก็ต พัทยา ขอนแก่น และเขาใหญ่ มูลค่ารวมกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะช่วยสนับสนุนยอดขายในปี 2555 ของแสนสิริให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยบริษัทยังได้มีแผนจัดงานกระตุ้นยอดขายจาก 7 โครงการใหม่ใน 4 จังหวัดท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ หัวหิน ภูเก็ต พัทยา เขาใหญ่ ในระดับราคาตั้งแต่ 1.5 – 39 ล้านบาท
จากผลการดำเนินงานที่ดีมาตลอด 9 เดือน ทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ สนใจในหุ้นของบริษัท ดังนั้นบริษัทจึงเตรียมเดินทางโรดโชว์ในประเทศต่างๆ ทั้งโซนยุโรป – เอเชีย โดยประเทศแรกที่จะเดินทางไปโรดโชว์คือ สหรัฐอเมริกา ในช่วงระหว่างวันที่ 15-20 ตุลาคม 2555 โดยร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นระยะเวลา 5 วัน หลังจากนั้นในช่วงปลายปีก็จะมีแผนเดินทางไปโรดโชว์ต่อที่ประเทศในแถบยุโรป และสิงคโปร์
"ในส่วนของการลงทุนในต่างประเทศนั้น ขณะนี้บริษัทยังไม่มีแผนที่จะไปลงทุนในประเทศใด แม้ว่ากระแสเออีซีจะแรงก็ตาม เพราะเล็งเห็นว่ากฎระเบียบในประเทศเหล่านั้นยังไม่นิ่ง อีกทั้งแสนสิริเองก็มีโครงการ '9 Elvaston Place' ที่ตั้งอยู่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษอยู่แล้ว หรือแม้แต่ประเทศในกลุ่มยุโรปเอง ที่หลายๆ คนมองว่าน่าจะใช้โอกาสที่ยุโรปประสบภาวะเศรษฐกิจ เข้าไปซื้อสินค้าราคาถูก แต่ส่วนตัวมองว่ามันไม่ใช่ที่ของเรา" นายอภิชาติ กล่าวและว่า
ดังนั้นอย่าเพิ่งไปยุ่งกับมัน รอให้มันเจ๊งจริงๆค่อยไปซื้อ ฝรั่งไม่ได้จนจริงๆหรอก เชื่อว่าตอนนี้อาจจะมีการย้ายเงินจากประเทศหนึ่งไปประเทศอื่นด้วยซ้ำ เพื่อไปตั้งกองทุนของตัวเอง แล้วช้อนซื้อของของตัวเอง ประกอบกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศก็ยังมีเหลืออีกเป็นจำนวนมาก ดังนั้น ณ เวลานี้ เราจึงยังไม่สนใจไปลงทุนในต่างประเทศ" นายอภิชาติ กล่าวทิ้งท้าย
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 32 ฉบับที่ 2,783 วันที่ 14-17 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น